Monday, January 30, 2012

การเขียนรายงายเชิงวิชาการ


การเขียนรายงายเชิงวิชาการ

แบบทดสอบก่อนเรียน

๑. ค.

๒. ก.

๓. ข.

๔. ข.

๕. ง.

๖. ข.

๗. ง.

๘. ก.

๙. ง.

๑๐.ก.

กิจกรรมที่ 1

การเลือกเรื่องในการเขียนรายงานเชิงวิชาการคิดสร้างสรรค์เรื่องที่จะเขียน รายงานขณะที่ศึกษา "ลิลิตตะเลงพ่าย" และ "มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี" แล้ว ท่านว่า เรื่องใดที่น่าสนใจ อยากค้นคว้า อยากศึกษาให้ลึกซึ้ง เพื่อให้รู้จริง ตอบเฉพาะชื่อเรื่อง ในเวลา 3 นาที

ตอบ           ๑. ความเป็นมาของชื่อศาตราวุธของพระนเรศวร

                 ๒. กลศึกที่พบในเรื่อง

                 ๓.ความเชื่อที่ปรากฎในเรื่องลิลิตตะเลงพ่าย

                 ๔.การใช้คำ(การเล่นคำ)ที่ปรากฏในลิลิตตะเลงพ่าย

                 ๕.การทำยุธหัตถี ของพระนเรศวร

                ๖. คุณค่าของเรื่องลิลิตตะเลงพ่าย

 

กิจกรรมที่ 2 

การกำหนดทิศทางและขอบเขต คิดสร้างสรรค์เรื่องที่จะเขียนรายงาน ให้ท่านเลือกหัวข้อในกิจกรรมที่ 1 เพียงเรื่องเดียว แล้วฝึกเขียนจุดมุ่งหมาย พร้อมกำหนดขอบเขตของการศึกษา

ตอบ         จุดมุ่งหมาย  : เพื่อศึกษา  ความเป็นมาของชื่อศาตราวุธของพระนเรศวร

               ขอบเขตของการศึกษา  : ในการศึกษาครั้งนี้ จะศึกษาจากหนังสือเรื่อง ลิลิตตะเลงพ่าย พร้อมทั้งหนังสืออ้างอิงที่มีเนื้อหาตรงกับเรื่อง

กิจกรรมที่ 3 

กำหนดรูปแบบวิธีการ และระบุแหล่งข้อมูล

  คำสั่ง : จงอ่านข้อความต่อไปนี้ แล้วบันทึกโดยนำความรู้ที่ศึกษามาใช้ กำหนดรูปแบบ  วิธีการเอง และอย่าลืม ระบุแหล่งข้อมูลด้วย

ตอบ    หัวข้อหลัก  : โลหะปราสาทปูชนียสถานหนึ่งเดียวในโลกที่เมืองไทย

            หัวข้อรอง  : ความหมายของโลหะปราสาท

             เนื้อหา  : โลหปราสาทเป็นปูชนียสถานสำคัญคู่กรุงรัตนโกสินทร์ซึ่งแต่เดิมถูกบดบังด้วย อาคาร แต่ภายหลังได้ทำการรื้อทิ้งและนำมาสร้างพลับพลารับแขกเมืองราชอาคันตุกะของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงมีพระนิพนธ์ไว้ว่า สมเด็จพระนั่งเกล้าอยู่หัว ทรงพระราชดำริถึง พระเจดีย์ที่จะทรงสร้างประจำวัดอย่างที่พระราชดำริสร้างสำเภาวัดยานนาวา จึง โปรดฯให้สร้างโลหปราสาทแทนพระเจดีย์

            ที่มา : สกุลไทย ปีที่ ๔๐ ฉบับที่ ๒๐๕๓ (อังคารที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๗) : หน้า ๖๑

 

กิจกรรมที่ 4 

การวางโครงเรื่อง

๑. ค.

๒. ง.

๓. ข.

๔. ก.

๕. ง.

กิจกรรมที่ 5 

การเรียบเรียงเนื้อหา

๑. ง.

๒. ง.

๓. ข.

๔. ก.

๕. ค.

กิจกรรมที่ 6 

การเขียนบรรณานุกรม

  คำสั่ง : จงพิจารณารายละเอียดต่อไปนี้แล้ว ทำกิจกรรมต่อไปนี้

๑. การจัดเรียงรายละเอียดในแต่ละกลุ่มไม่ถูกต้อง

ตอบ     ๑, ๒ , ๓, ๔

๒. จงเรียงลำดับบรรณานุกรมแต่ละเล่มให้ถูกต้องโดยนำเสนอเฉพาะหมายเลข

  ๑. โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยรามคำแหง , ร้อยกรอง สิทธา พินิจภูวดล , ประทัป วาทิตทินทร นครหลวงกรุงเทพธนบุรี : ๒๕๑๖

  ๒. "นิทานนานาชาติ" (๒๔ สิงหาคม ๒๕๒๓) บรรจบ พันธุเมธา สตรีสาร ๓๓

  ๓. คู่มือเลี้ยงทารก กรุงเทพมหานคร : ๒๕๑๑ สมศิริ(นามแฝง) แพร่พิทยา

  ๔. คู่มือเลี้ยงทารก กรุงเทพมหานคร : ๒๕๑๑ สมศิริ(นามแฝง) แพร่พิทยา

  ๕. คึกฤทธิ์ ปราโมช , ม.ร.ว. "ซอยสวนพลู" ๗ (๒๗ กันยายน ๒๕๒๓) : สยามรัฐ

ตอบ   ๕ , ๓, ๔,  ๒, ๑

แบบทดสอบหลังเรียน

๑.ก.

๒.ค.

๓.ค.

๔.ก.

๕.ง.

๖.ค.

๗.ข.

๘.ข.

๙.ง.

Sunday, September 11, 2011

ไฟฟ้าสถิต


 

ไฟฟ้าสถิต (Static electricity)

          ไฟฟ้าสถิต (Static electricity) เป็นปรากฏการณ์ที่ปริมาณประจุไฟฟ้าขั้วบวกและขั้วลบบนผิววัสดุมีไม่เท่ากัน ปกติจะแสดงในรูปการดึงดูด, การผลักกัน และเกิดประกายไฟ



             ไฟฟ้าสถิตนั้นเกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของเรามากมายแต่ อาจจะเกิดโดยที่เราไม่รู้ตัว แต่หากเราใช้หลักการทางฟิสิกส์ แล้วก็จะสามารถหาสาเหตุและปัจจัยในการเกิดไฟฟ้าสถิตได้ กล่าวคือไฟฟ้าสถิตที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันนั้นถูกทำให้เกิดขึ้น จากการทำปฏิกิริยาของประจุไฟฟ้าบวกกับประจุไฟฟ้าลบ ที่มีอยู่ตามสิ่งแวดล้อม หรือ วัตถุต่างๆ ดังนั้น การที่บางคนบอกว่าการเกิดไฟฟ้าสถิตนั้นเกิดจากอำนาจของเทพเจ้า หรือผู้มีพลังวิเศษเป็นความคิดที่ผิด 




การเกิดไฟฟ้าสถิต
          การที่ปริมาณประจุไฟฟ้าขั้วบวกและขั้วลบบนผิววัตถุมีไม่เท่ากันทำให้เกิดแรงดึงดูดเมื่อวัตถุทั้ง 2 ชิ้นมีประจุต่างชนิดกัน หรือเกิดแรงผลักกันเมื่อวัสดุทั้ง 2 ชิ้นมีประจุชนิดเดียวกัน เราสามารถสร้างไฟฟ้าสถิตโดยการนำผิวสัมผัสของวัสดุ 2 ชิ้นมาขัดสีกัน พลังงานที่เกิดจากการขัดสีกันทำให้ประจุไฟฟ้าบนผิววัตถุจะเกิดการแลกเปลี่ยนกัน โดยจะเกิดกับวัตถุประเภทที่ไม่นำไฟฟ้า หรือที่เรียกว่า ฉนวน ตัวอย่างเช่น ยาง, พลาสติก และแก้ว สำหรับวัตถุประเภทที่นำไฟฟ้านั้นโอกาสเกิดปรากฏการณ์ประจุไฟฟ้าบนผิววัตถุไม่เท่ากันนั้นยากแต่ก็สามารถเกิดขึ้นได้ เช่น กรณีที่ผิวโลหะถูกกระแทกด้วยของแข็งหรือของเหลวที่ไม่เป็นตัวนำ ประจุที่เกิดการเคลื่อนย้ายระหว่างการสัมผัสจะถูกเก็บบนผิวของวัตถุทั้ง 2 ชิ้น

          ไฟฟ้าสถิตเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่คุ้นเคยสำหรับประเทศที่มีอากาศหนาว ในฤดูหนาวสำหรับประเทศเหล่านี้ความชื้นในอากาศจะต่ำมาก การเกิดไฟฟ้าสถิตบนผิวหนังจะเกิดขึ้นง่ายมาก ดังนั้นเมื่อเกิดการสัมผัสกับวัตถุประเภทตัวนำจะทำให้เกิดการถ่ายเทประจุไปยังตัวนำอย่างรวดเร็วทำให้เกิดอาการสะดุ้งได้ และนอกจากนั้นยังสามารถทำความเสียหายให้กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์



  



          ตัวนำไฟฟ้า    คือสารที่ยอมให้ประจุไฟฟ้าถ่ายเทไป – มาได้โดยง่ายทั่วถึงกันทั้งก้อน
          ฉนวนไฟฟ้า   คือสารที่ยอมให้ประจุไฟฟ้าเคลื่อนผ่านได้เพียงเล็กน้อย
          สารกึ่งตัวนำ   คือสารที่มีสมบัติทางไฟฟ้าอยู่ในระหว่างตัวนำไฟฟ้ากับฉนวนไฟฟ้า 
          การทำให้วัตถุมีประจุ  ปกติวัตถุทั้งหลายมีโปรตอนและอิเล็กตรอนเป็นองค์ประกอบในจำนวนที่เท่าๆ กัน  ดังนั้นจำนวนประจุบวก ประจุลบ ในวัตถุจึงมีอยู่เท่ากัน เรียกวัตถุอยู่ในสภาพเป็นกลางทางไฟฟ้า
          กรณีที่วัตถุได้รับพลังงาน ( ไฟฟ้า เคมี ความร้อน แสง และอื่นๆ ) จะทำให้อิเล็กตรอน หรือ อิออนเคลื่อนที่ ประจุลบบนวัตถุนั้นอาจมีมากกว่า หรือน้อยกว่าประจุบวก ถ้ามีมากกว่า วัตถุดังกล่าวมีประจุลบอิสระ ถ้ามีน้อยกว่าวัตถุดังกล่าวมีประจุบวกอิสระ



การนำความรู้เกี่ยวกับไฟฟ้าสถิตไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน
เช่น
1. เครื่องถ่ายเอกสาร
2. เครื่องกำจัดฝุ่นในอากาศ
3. เครื่องพ่นสี
           
4. ไมโครโฟนแบบตัวเก็บประจุ
การนำความรู้เกี่ยวกับไฟฟ้าสถิตไปใช้ประโยชน์ ทางด้านการแพทย์
เช่น
ชุดประดิษฐ์เส้นใยนาโน
ผลงานรางวัลชมเชย ประจำปี 2549 ของสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
ผลงานประดิษฐ์ " ระบบอิเล็กโตรสปินนิ่งควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ สำหรับประดิษฐ์เส้นใยนาโน ” ( Computer-controlled Electrospinning System for Nanofibres Fabrication ) จากทีมวิจัย ภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้รับรางวัลชมเชยผลงานประดิษฐ์คิดค้น สาขาด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและอุตสาหกรรม ( สาขาวิทยาศาสตร์กายภาพและคณิตศาสตร์) ประจำปี 2549 ของสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ( วช.)
ในปัจจุบัน เส้นใยนาโน (nanofibres) ซึ่งจัดเป็นหนึ่งในวัสดุนาโนที่สำคัญ เป็นเส้นใยสังเคราะห์ที่กำลังได้รับความสนใจอย่างมาก เนื่องจากเส้นใยมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางในระดับนาโนเมตร ซึ่งมีข้อดี คือ มีอัตราส่วนระหว่างพื้นผิวต่อปริมาตร (surface-to-volume ratio) สูงมากกว่า 1,000 เท่า เมื่อเทียบกับเส้นใยในระดับไมโครเมตร (microfibres) และมีขนาดของรูพรุน (pore) ที่เล็ก ส่งผลทำให้มีสมบัติต่าง ๆ เช่น สมบัติเชิงกล สมบัติทางไฟฟ้า หรือสมบัติอื่น ๆ ที่ดีมาก เหมาะสำหรับงานเฉพาะด้าน   ซึ่งต้องการความได้เปรียบของขนาดที่จิ๋วแต่แจ๋ว ไปใช้ เช่น การประยุกต์ใช้งานของเส้นใยนาโนพอลิเมอร์ที่ย่อยสลายได้ ไม่เป็นพิษ และมีความเข้ากันได้ทางชีวภาพ สำหรับงานทางด้านวิศวกรรมเนื้อเยื่อกระดูก ( bone tissue engineering ) ผ้าปิดแผล (wound dressing) ระบบส่งยา (drug delivery system) ระบบการกรองอย่างละเอียด (ultrafiltration) เป็นต้น
สำหรับเทคนิคที่นำมาใช้ในการเตรียมเส้นใยนาโนมีหลายวิธี ซึ่งแต่ละวิธีการมีข้อดี ข้อเสีย ที่แตกต่างกันไป ซึ่ง เทคนิคอิเล็กโตรสปินนิ่ง (electrospinning) หรือ การปั่นเส้นใยด้วยไฟฟ้าสถิต เป็นทางเลือกใหม่ที่ได้ถูกนำมาใช้เตรียมเส้นใยนาโนของวัสดุพอลิเมอร์ และสารอนินทรีย์ออกไซด์หลากหลายชนิด สำหรับประยุกต์ใช้





แหล่งอ้างอิง
variety.teenee.com/science/6979.html 
th.wikipedia.org/wiki/ไฟฟ้าสถิต 
http://202.28.94.246/msn/?q=node/133